mousedee2day.tv

วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

สธ.ไทยได้รับเลือกจาก WHO ให้เป็นกรรมการกลางควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของโลก
14 กุมภาพันธ์ 2554
กระทรวงสาธารณสุข ได้รับเลือกให้เป็นกรรมการกลางควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โลก ภายหลังบังคับใช้ พรบ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 เพียง 3 ปี
 
นายแพทย์ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การประชุมยุทธศาสตร์โลก เพื่อควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ณ องค์การอนามัยโลก กรุงเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส เมื่อวันที่ 8-11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ประเทศไทย นำโดยนายแพทย์สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ได้รับเกียรติให้เป็นประธานกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นประธานร่วมในคณะกรรมการผลักดันนโยบายและสร้างเสริมภาคีเครือข่าย เพื่อควบคุมอันตรายจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้ได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการกลางของโลก จัดการปัญหาดังกล่าว ซึ่งมีเพียงไม่กี่ประเทศที่ได้รับเกียรตินี้
นพ.สมาน ฟูตระกูล (แฟ้มภาพ)
 
นายแพทย์สมาน ฟูตระกูล กล่าวว่า วันนี้(14 กพ)เป็นวันครบรอบ 3 ปี ที่พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 มีผลบังคับใช้ เริ่มตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2551 ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ได้ออกมาตรการต่างๆ อาทิ การห้ามขายเหล้าในวันสำคัญทางศาสนา การจัดกระเช้าปลอดเหล้า ซึ่งได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการเป็นอย่างดี ซึ่งปัจจุบันได้ออกมาตรการสำคัญเกี่ยวกับการโฆษณา และเร่งประชาสัมพันธ์กฎหมายให้ผู้ประกอบการ รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้อง แต่ยังมีผู้จงใจฝ่าฝืนและพยายามหาทางเลี่ยงกฎหมาย เป็นเหตุให้มีการฟ้องร้องดำเนินคดีเป็นจำนวนมาก โดยพบผู้เข้าข่ายฝ่าฝืนกฏหมายทั่วประเทศ 3,628 ราย ตักเตือนแล้ว 2,627 ราย ดำเนินคดีแล้ว 1,001 ราย เมื่อพิจารณาจากคดีที่ศาลได้พิพากษาเสร็จสิ้น พบการทำผิดเรื่องการขายในวัน เวลา ที่กฎหมายห้ามถึงร้อยละ 56 รองลงมา ขายในสถานที่ห้ามขายร้อยละ 19 และขายให้บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ ซึ่งหลังจากได้รับการการคัดเลือก จากองค์การอนามัยโลก ให้เป็นกรรมการกลางควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของโลกแล้วประเทศไทยจะเพิ่ม ความเข้มข้น ในการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้มากยิ่งขึ้น

จันทบุรี - เครือข่ายประชาคมงดเหล้าจังหวัดจันทบุรีจัดงานวันวาเลนไทน์ ปลอดภัยจากเอดส์ ปลอดอุบัติเหตุจากเหล้า ปอดไม่เน่า เพราะบุหรี่ และการจัดงานครบรอบ 3 ปี กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 พร้อมร่วมกันเทเหล้าเผาบุหรี่

 จันทบุรี - เครือข่ายประชาคมงดเหล้าจังหวัดจันทบุรีจัดงานวันวาเลนไทน์ ปลอดภัยจากเอดส์ ปลอดอุบัติเหตุจากเหล้า ปอดไม่เน่า เพราะบุหรี่ และการจัดงานครบรอบ 3 ปี กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 พร้อมร่วมกันเทเหล้าเผาบุหรี่
       
       วันนี้ (14 ก.พ.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตจันทบุรี นายอรุณ พุมเพรา ปลัดจังหวัดจันทบุรีเป็นประธาน เปิดงานวันวาเลนไทน์ ปลอดภัยจากเอดส์ ปลอดอุบัติเหตุจากเหล้า ปอดไม่เน่าเพราะบุหรี่ และการจัดงานครบรอบ 3 ปี กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 พร้อมกันนี้ ปลัดจังหวัดจันทบุรียังได้ร่วมกันเทเหล้าเผาบุหรี่ เพื่อเป็นการรณรงค์ให้เยาวชนตระหนัก และไม่หลงผิด
       
       นอกจากนี้ยังได้เป็นประธานในการมอบเกียรติบัตรให้กับผู้ประกอบที่ ร่วมโครงการปลดป้ายโฆษณาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีกด้วย โดยมี พ.ต.ท.สมชาย ม่วงคำ คณะกรรมการเครือข่ายประชาคมงดเหล้าจังหวัดจันทบุรี พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ประชาชน และเยาวชนร่วมในพิธี
       
       สำหรับการจัดงานวันวาเลนไทน์ ปลอดภัยจากเอดส์ ปลอดอุบัติเหตุจากเหล้า ปอดไม่เน่าเพราะบุหรี่ และการจัดงานครบรอบ 3 ปี กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการสร้างความร่วมมือร่วมแรงในการปฏิบัติ งานให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ได้ตั้งใจไว้ในการที่จะให้จังหวัดจันทบุรี เป็นจังหวัดต้นแบบในการปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเทศกาลต่างๆและเป็นแบบ อย่างที่ดีให้กับจังหวัดอื่น ในการนำไปเป็นตัวอย่าง
       
       นอกจากนี้ เพื่อทำให้เกิดกระบวนการทำงาน ในบริบทของจังหวัดจันทบุรี เกิดรูปธรรมการทำงานที่ชัดจนและสามารถปฏิบัติได้จริงเป็นต้นแบบให้กับ พื้นที่อื่นๆ ได้มาศึกษาเรียนรู้วิธีการทำงาน โดยในรอบ 3 ปีที่ผ่านมาเครือข่ายประชาคมงดเหล้าจังหวัดจันทบุรีได้มีการจัดกิจกรรมการ รณรงค์ การบูรณาการ การสร้างเครือข่าย และการออกตรวจเฝ้าระวังการกระทำผิดกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาอย่าง ต่อเนื่องจนเกิดเป็นผล ทำให้จังหวัดจันทบุรีปลอดจากการโฆษณาป้ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่างๆ ในจังหวัดจันทบุรี งานเทศกาลสงกรานต์ปลอดเหล้าโดยฝากเหล้าไว้กับตำรวจ และการให้ความร่วมมือจากผู้ประกอบการในการกลับเต็นท์ที่มีการโฆษณาขาย เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วเป็นผลทำให้การทำงานประสบความสำเร็จ และจังหวัดจันทบุรีได้รับการยกย่องให้เป็นจังหวัดต้นแบบ ในการสร้างจิตสำนึกในการไม่จำหน่ายเครื่องดื่ม หรือการติดป้ายโฆษณาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ดีที่สุดต่อไปอีกด้วย



"อย่าปล่อยให้ชีวิตสูญเปล่าอยู่กับการรอคอย"
ประญัติ   เกรัมย์ (แสน)
ผู้ประสานงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า(สคล.)
ภายใต้มูลนิธิวิถีสุข โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)

วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เทศบาลนครเชียงใหม่จัดกิจกรรม “เติมรักให้อากาศ”

เทศบาลนครเชียงใหม่จัดกิจกรรม เติมรักให้อากาศ
          เทศบาลนครเชียงใหม่จัดกิจกรรมรณรงค์แก้ไขปัญหาหมอกควัน เติมรักให้อากาศ เพื่อลดปัญหาหมอกควันในจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมแนะให้ประชาชนป้องกันตัวเองจากภาวะหมอกควันที่จะเกิดขึ้น ในวันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 09.00 น. ณ ข่วงประตูท่าแพ
            ในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ได้รับเกียรติจากท่านสุรชัย  จงรักษ์ ปลัดจังหวัดเชียงใหม่เป็นประธานในการเปิดงาน
            ปัญหาหมอกควันในภาคเหนือ เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นประจำทุกปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนและจะมีปริมาณสูงสุดในเดือนมีนาคม ส่วนมากสาเหตุหลักเกิดจากไฟป่า การเผาขยะในที่โล่ง ฝุ่นละอองจากถนน  การก่อสร้าง และเขม่าน้ำมันดีเซลจากท่อไอเสียรถยนต์ ทำให้คุณภาพอากาศแย่ลง และส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน ดังนั้น เทศบาลนครเชียงใหม่จึงได้เล็งเห็นความสำคัญของปัญหาหมอกควัน จึงจัดให้มีกิจกรรมรณรงค์แก้ไขปัญหาหมอกควัน เติมรักให้อากาศ ภายใต้แนวคิดการจัดงานที่ว่า  2 งด 1 ลด คือ งดการเผา งดรถควันดำ ลดฝุ่นละออง มีกิจกรรม การเดินขบวนรณรงค์ฯ การกวาดล้างถนน การพ่นน้ำในอากาศ การจัดนิทรรศการให้ความรู้ทางด้านวิชาการ  ตรวจรถควันดำ  เป็นต้น
ทั้งนี้ได้รับความร่วมมือจาหลายองค์องค์ทั้งภาครัฐ เอกชน ในจังหวัดชียงใหม่ เช่น  มณฑลทหารบกที่ 33 กรมควบคุมมลพิษ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1 สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดเชียงใหม่ สำนักประชาสัมพันธ์เขต 3 ตำรวจภูธรเชียงใหม่  สำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ เทศบาลตำบล       สุเทพ เทศบาลตำบลฟ้าฮ่าม เทศบาลตำบลหนองหอย เทศบาลตำบลช้างเผือก เทศบาลตำบลหนองป่าครั่ง แขวงการทางที่ 1 เชียงใหม่ สำนักงานทางหลวงชนบทที่ 1 เชียงใหม่ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย  จังหวัดเชียงใหม่ ชมรมคลินิกไอเสีย เพื่อคนรักสิ่งแวดล้อม เชียงใหม่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานพลังงานภูมิภาคที่ 10 เชียงใหม่ มูลนิธิวาย เอ็ม ซี เอ เพื่อการพัฒนาภาคเหนือ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เครือข่ายเขียว สวย หอม โรงเรียนไชยโรจน์วิทยา โรงเรียนอนุบาลเชียงใหม่ โรงเรียนสงเคราะห์ศึกษา โรงเรียนในสังกัดเทศบาลนครเชียงใหม่


วันเสาร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

มหาวิทยาลัยแม่โจ้จัดโครงการนำร่อง “ปริญญาปลอดเหล้า ฉลองได้แต่ต้องไร้แอลกอฮอล์”เพื่อลดปัญหาการดื่มแอลกอฮอล์ในสถานศึกษาและลดอุบัติเหตุบนท้องถนน

มหาวิทยาลัยแม่โจ้จัดโครงการนำร่อง “ปริญญาปลอดเหล้า ฉลองได้แต่ต้องไร้แอลกอฮอล์”เพื่อลดปัญหาการดื่มแอลกอฮอล์ในสถานศึกษาและลดอุบัติเหตุบนท้องถนน

ด้วยทางชมรมสร้างเสริมสุขภาพร่วมกับมหาวิทยาลัยสร้างเสริมสุขภาพมหาวิทยาลัยแม่โจ้ได้ร่วมกันรณรงค์โครงการ “ปริญญาปลอดเหล้า ฉลองได้แต่ต้องไร้แอลกอฮอล์”เพื่อเป็นการณรงค์ในเรื่องของการลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในงานประเพณีรับปริญญาของสถาบันการศึกษาเนื่องจากตามประกาศของ พรบ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้สถานศึกษาเป็นเขตปลอดเหล้าและเพื่อลดการสุญเสียในช่วงประเพณีรับปริญญาและเป็นการเพิ่มการมีส่วนร่วมในการรักษาประเพณี อัตลักษณ์ในเรื่องของความรักความสามัคคี ของสถาบัน
โครงการรณรงค์นี้ถือว่าเป็นโครงการนำร่องเพื่อสร้างการตระหนักและรณรงค์การลดอุบัติเหตุบนท้องถนนเนื่องจากจากการดื่มแอลกอฮอล์และลดปัญหาการดื่มแอลกอฮอล์ในสถานศึกษา

สธ.ออกกฏห้ามดื่มเหล้าหลังรถกระบะ

กระทรวงสาธารณสุขเดินหน้าไม่ลดละปัญหาสกัดจุดสิงห์ขี้เมาดื่มแอลกอฮอล์ แม้จะไม่ผ่านคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ กรณีไม่ลงมติห้ามจำหน่ายเหล้าเทศกาลสงกรานต์ ล่าสุดประกาศตีกรอบเอาผิดสิงขี้เมาดื่มเหล้าท้ายกระบะ และจักรยานยนต์ มีผลบังคับใช้วันที่ 11 เมษายนนี้นายมานิต นพอมรบดี รมช.สธ. ได้เดินหน้าออกกฏห้ามสิงขี้เมาดื่มเหล้าในช่วงเทศกาลวันสงกรานต์ โดยจำกัดขอบเขตการดื่มไม่ให้ดื่มท้ายรถกระบะ และจักรยานยนต์ ซึ่งถือเป็นมาตรการเร่งด่วนที่กระทรวงสาธารณสุขหวังเพิ่มเติม และผลักดันท้ายในวันเทศกาลวันหยุดสงกรานต์นี้ นอกเหนือจากการห้ามจำหน่ายเหล้าในวันพระใหญ่ 4 วัน นอกจากนี้ยังจะประกาศเพิ่มความเข้มข้นการตั้งจุดตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์จำนวน 4 หมื่นจุดทั่วประเทศ ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าหลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการตั้งจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์เพียงแค่ 1 หมื่นกว่าจุดเท่านั้น ซึ่งจะตรวจทุกระดับทั้งในหมู่บ้าน ถนนสายหลัก สายรอง และตรวจตำบล โดยให้ อสม.เป็นแกนนำ เพราะมุ่งหวังให้ปัญหาอุบัติเหตุได้ลดน้อยลงทั้งนี้หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงสาธารณสุขเห็นด้วยกับมาตรการควบคุมไม่ให้สิงขี้เมาดื่มเหล้าท้ายรถกระบะ และจักรยานยนต์ ซึ่งขณะนี้ รมช.สธ.ได้สั่งให้กรมควบคุมโรคดำเนินการร่างระเบียบกฎเหล็กดังกล่าว เพื่อส่งให้กับรองนายกฯ คือ พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ ในวันศุกร์นี้ เพื่อลงนามประกาศใช้วันที่ 17 เมษายนทั่วประเทศทันที สำหรับมาตรการลงโทษหากฝ่าฝืนจะถูกจำคุก 6 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท โดยไม่ละเว้น นอกจากนี้ยังจะมีการประเมินผลอุบัติเหตุหลังเทศกาลวันสงกรานต์ด้วยว่า กฏเหล็กที่กระทรวงสาธารณสุขได้ออกมาตรการเข้มข้นเพิ่มเติมนั้น ยอดลดลงเพียงใด ยืนยันหากสถิติการเกิดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลวันสงกรานต์ยังสูงอยู่ กระทรวงก็ไม่ถอยหันกลับมาผลักดันการห้ามจำหน่ายสุราในช่วงเทศกาลวันสงกรานต์ต่ออีก

ตร.จับมือสสส.รณรงค์งดเหล้าวันวาเลนไทน์


สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า(สคล.) เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรุงเทพมหานคร ได้ร่วมกันจัดกิจกรรม “รักเลือกได้ ปลอดภัย ปลอดเหล้า” โดยมีนพ.พีรพงษ์ สายเชื้อ รองปลัดกทม. และพล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกตร. ร่วมเป็นประธานในการปล่อยขบวนคาราวานรถจักรยานยนต์ เพื่อรณรงค์และแจกสติกเกอร์ย่านสยามสแควร์
โดยพล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า สำหรับมาตรการดูแลความเรียบร้อยในช่วงวันวาเลนไทน์ ทางตร.ได้มีการเตรียมโครงการดูแลในเรื่องนี้ตามโครงการประวิวัฒน์ของรัฐบาล เพื่อให้เยาวชนห่างไกลจากสิ่งเสพติด และจะมีการกวดขันสถานบันเทิงที่ตั้งอยู่ใกล้กับสถานศึกษาต่างๆ ส่วนในวันที่ 14 ก.พ.นี้ จะมีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูแลเยาวชนไม่ให้เข้าไปในพื้นที่สุ่มเสี่ยงและไม่เหมาะสม ซึ่งหากพบเด็กหรือเยาวชนไปอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ก็จะเข้าไปสอบถามและเชิญผู้ปกครองมารับตัวกลับทันที
ด้านนายวัชรา บัวทอง ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์มักมีวัยรุ่นบางกลุ่มแสดงออกความรักในทางที่ผิด ไม่ว่าจะเป็น การชักชวนไปดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเป็นที่มาของการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร ซึ่งวัยรุ่นบางคนแม้จะไม่เต็มใจที่จะมีเพศสัมพันธ์ แต่หากตกอยู่ในสถานการณ์หรือพื้นที่เสี่ยงและมีแอลกอฮอล์เป็นตัวกระตุ้น ก็จะทำให้มีเพศสัมพันธ์ได้ง่าย รวมทั้งจากผลสำรวจพบว่า กลุ่มเยาวชนอายุระหว่าง 15-19 ปี มีสัดส่วนดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 70 ซึ่งหากอัตราการดื่มเพิ่มขึ้นเช่นนี้คาดว่าในอีก 40 ปีข้างหน้า เยาวชนอายุระหว่าง 15-19 ปี จะกลายเป็นนักดื่มประจำถึงสองในสาม นอกจากนี้ผลสำรวจร้อยละ 40 ของเด็กและเยาวชนในสถานพินิจที่มีประสบการณ์การดื่มแอลกอฮอล์ ยอมรับว่าได้กระทำความผิดหลังจากดื่มแอลกอฮอล์ ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องจับตาสถานที่ที่วัยรุ่นชอบไปมั่วสุม ไม่ว่าจะเป็น ห้องพักรายวัน อพาร์ตเมนต์ บ้านร้าง โรงแรมม่านรูดและสวนสาธารณะ 
ขณะที่นายณัฐพล รุ่งเกียรติวงศ์ เครือข่ายเยาวชนสานพลังสู่สังคม กล่าวว่า ในช่วงวันวาเลนไทน์ในปีที่ผ่านมา ร้านเหล้าปั่นถือเป็นสถานที่ยอดนิยมของคู่รักหลายคู่ที่เข้ามาดื่มฉลอง จึงคาดว่าในวันวาเลนไทน์ปีนี้เยาวชนน่าจะไปใช้บริการที่ร้านเหล้าปั่นจำนวนมากอีกเช่นกัน ตนจึงขอฝากเตือนไปยังเยาวชนให้แสดงออกถึงความรักอย่างมีสติและไม่จำเป็นต้องสุราก็มีความรักได้ แค่เพียงมอบดอกไม้ การ์ดอวยพร ตุ๊กตาและช็อกโกแลตก็น่าจะเพียงพอ

วธ.ร่วมเครือข่ายจัดงานเทศกาลมาฆบูชา 14-18 ก.พ.ทั้งส่วนกลางและภูมิภาค

วธ.ร่วมเครือข่ายจัดงานเทศกาลมาฆบูชา 14-18 ก.พ.ทั้งส่วนกลางและภูมิภาค
11 กุมภาพันธ์ 2554
วัดสระเกศฯ 10 ก.พ.- นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ประธานแถลงข่าวการจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในเทศกาลมาฆบูชา ประจำปี 2554 กำหนดจัดขึ้นวันที่ 14-18 กุมภาพันธ์ 2554 ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค

ว่าเนื่องในวันมาฆบูชาเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา ที่พระพุทธเจ้าได้แสดงโอวาทปาติโมกข์แก่พระอรหันต์จำนวน 1,250 รูป ดังนั้น เพื่อเป็นการให้พุทธศาสนิกชนร่วมระลึกถึงความสำคัญของวันดังกล่าว วธ.โดยกรมการศาสนาได้ร่วมกับคณะสงฆ์ องค์กรเครือข่ายทางพุทธศาสนา สถานศึกษา หน่วยงานภาครัฐ เอกชน กำหนดจัดงานขึ้น เพื่อต้องการให้พุทธศาสนิกชนร่วมบำเพ็ญความดีและสืบสานกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา ด้วยการทำบุญตักบาตร ปฏิบัติธรรม ฟังพระธรรมเทศนาและร่วมพิธีเวียนเทียนเพื่อถวายเป็นพระพุทธบูชา และถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษาในวันที่ 5 ธันวาคม 2554
ทั้งนี้ การจัดงานในส่วนกลางกำหนดจัดที่บริเวณมณฑลพิธีสวนลุมพินี วันที่ 14-18 กุมภาพันธ์ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร วันที่ 16-18 กุมภาพันธ์และวัดยานนาวา 18 กุมภาพันธ์ จะมีกิจกรรมต่างๆ เช่น นิทรรศการ การทำบุญตักบาตร การแสดงพระธรรมเทศนา และเวียนเทียน แข่งขันตอบคำถามธรรมะ การออกร้านจำหน่ายหนังสือธรรมะในราคาถูก ส่วนภูมิภาค กรมการศาสนาได้สนับสนุนให้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดจัดกิจกรรมในช่วงวันที่ 14-18 กุมภาพันธ์ ที่วัดหรือศาสนสถานที่สำคัญ.-สำนักข่าวไทย
 

วันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

โจ๋เกิน 70% ชี้ไม่จำเป็นต้องมีเซ็กซ์วาเลนไทน์



 โพลเผยผลสำรวจวันวาเลนไทน์ กลุ่มตัวอย่างเยาวชนร้อยละ 70.4 ระบุ ไม่จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์ทางเพศในวันแห่งความรัก พร้อมเสนอ 9 แนวทางดูแลลูกหลานวัยใส ที่มีโอกาสเสี่ยงเรื่องทางเพศ

ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายวิชาการเพื่อสังเกตการณ์และวิจัยความสุขชุมชน (ศูนย์วิจัยความสุขชุมชน) มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง สำรวจสถานการณ์ทางเพศของเยาวชนไทยในวันวาเลนไทน์ กรณีศึกษาตัวอย่างเยาวชนอายุ 12-24 ปีที่พักอาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 1,256 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 8 - 9 กุมภาพันธ์ 2554 ผลการสำรวจ พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 97.3 ทราบว่าวันวาเลนไทน์ตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี ร้อยละ 2.7 ไม่ทราบ ทั้งนี้กลุ่มตัวอย่าง ร้อยละ 60.5 คิดว่าวันวาเลนไทน์ไม่ได้เป็นวันพิเศษอะไร ร้อยละ 39.5 คิดว่าเป็นวันพิเศษสำหรับตัวเอง

ที่น่าพิจารณา คือ กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 29.4 ระบุเคยมีประสบการณ์ในการมีเพศสัมพันธ์ร่วมหลับนอนกับคนอื่น ในขณะที่ ร้อยละ 70.6 ระบุยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์

ประเด็นที่น่าสนใจคือเมื่อทำการวิเคราะห์จำแนกตัวอย่างออกตามการตกเป็นกลุ่มเสี่ยง/ไม่เสี่ยงต่อการเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์นั้น พบว่าร้อยละ 80.3 ของตัวอย่างที่เคยมีเพศสัมพันธ์ มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เพราะสวมถุงยางอนามัยบางครั้งหรือไม่สวมเลย ในขณะที่มีเพียงร้อยละ 19.7 เท่านั้นที่ไม่ตกเป็นกลุ่มเสี่ยงดังกล่าว และผลสำรวจยังพบอีกว่า ร้อยละ 16.9 ระบุมีโอกาสมาก-มากที่สุดที่จะมีเพศสัมพันธ์ในวันวาเลนไทน์ (อาทิ กับคนรู้จัก คู่รัก แฟน สามี/ภรรยา เป็นต้น) ร้อยละ 70.4 ระบุน้อย-เป็นไปไม่ได้เลย และร้อยละ 12.7 ระบุปานกลาง

สำหรับกลุ่มตัวอย่างที่ระบุการให้คำแนะนำเพื่อน หากทราบว่าเพื่อนถูกแฟนชักชวนให้มีเพศสัมพันธ์ด้วยนั้น พบว่า ร้อยละ 36.2 แนะนำว่าควรรักนวลสงวนตัว เป็นแค่แฟนยังไง ๆ ก็ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์กันก่อนแต่งงาน รองลงมาร้อยละ 34.8 แนะนำว่าเป็นแฟนกันแล้ว อาจมีเพศสัมพันธ์กันได้ แต่ต้องรู้จักป้องกันตนเอง (ยาคุมกำเนิด ถุงยางอนามัย) ร้อยละ 18.0 แนะนำว่าการมีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องปกติ (เป็นสิทธิส่วนตัว) ร้อยละ 7.0 ให้ปฏิเสธ และควรเลิกคบกับแฟน และร้อยละ 4.0 ระบุอื่น ๆ อาทิ ปฏิเสธ และเป็นเพื่อนกันดีกว่า ตามลำดับ

ดร.นพดล กล่าวต่อว่า สำหรับในโอกาส "วันวาเลนไทน์" หรือวันแห่งความรักที่กำลังจะมาถึงนี้ จึงเสนอวิธีรักษาบุตรหลาน 9 ประการให้คุณพ่อ คุณแม่ และผู้ปกครอง ไว้พิจารณาในโอกาสที่มีบุตรหลานในวัยเจริญพันธุ์ เพราะครอบครัวเป็นหน่วยทางสังคมที่มีความสำคัญต่อการถ่ายทอดค่านิยม ทัศนคติ และแบบแผนทางพฤติกรรมที่สอดคล้องกับบรรทัดฐานของสังคมให้กับเด็กและเยาวชน ค่านิยมทางเพศและพฤติกรรมทางเพศของวัยรุ่นจะมีทิศทางเป็นอย่างไร ย่อมขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์กับบรรยากาศการเลี้ยงดูและสัมพันธภาพของครอบครัว

1. คุณพ่อคุณแม่ และผู้ปกครอง ควรปลูกฝัง “ความซื่อสัตย์” และ “ความรักแท้” ที่คงอยู่ได้ในทุกจังหวะอารมณ์ความรู้สึกต่อกันและกัน ไม่ว่าจะอยู่ในความตึงเครียดต่อกันเพียงใด ก็จะสามารถรักและซื่อสัตย์ต่อกันได้ในทุกสถานการณ์ ดังนั้น การทอดเวลาในการทำความรู้จักต่อกัน และการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ก่อนที่จะตกลงมีเพศสัมพันธ์กันและแต่งงานอยู่กันเป็นครอบครัวจึงเป็นเรื่องจำเป็น

2. ครอบครัวหรือผู้ปกครองต้องให้ความรักและความอบอุ่นแก่ลูกหลาน ความรักของพ่อแม่ การเลี้ยงดูของพ่อแม่ และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวของพ่อแม่ มีส่วนสร้างบุคลิกภาพและค่านิยมรวมถึงแบบแผนพฤติกรรมในเรื่องเพศให้แก่เด็ก

3. พ่อแม่ ผู้ปกครองทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี ทั้งนี้เพราะเด็กและเยาวชนมีแนวโน้มที่จะรับแบบต่าง ๆ จากพฤติกรรมของพ่อแม่ เยาวชนจะอยู่ในวัยที่ต้องมีตัวแบบเพื่อเขาจะได้เลียนแบบพฤติกรรม เช่น ในเรื่องการวางตัวต่อเพศตรงข้าม ความมั่นคงทางอารมณ์ ความซื่อสัตย์ต่อกัน การให้เกียรติซึ่งกันและกันในการใช้ชีวิตคู่ของพ่อแม่

4. การปลูกฝังค่านิยมเรื่องเพศที่ถูกต้องให้แก่ลูกหลาน ปลูกฝังค่านิยม ขนบธรรมเนียมประเพณีในเรื่องเพศ เช่น ผู้หญิงให้รักนวลสงวนตัว ผู้ชายให้เกียรติผู้หญิง รู้จักความรับผิดชอบ อดได้รอได้ เป็นต้น

5. เข้าใจลักษณะทางธรรมชาติและความต้องการของวัยรุ่น พ่อแม่ควรมีการศึกษาพัฒนาการในช่วงวัยต่าง ๆ ของลูกหลาน เช่น พ่อแม่ต้องเข้าใจว่าวัยรุ่นต้องการอิสระ ความเป็นส่วนตัว การตัดสินใจด้วยตนเอง เป็นต้น พ่อแม่จึงต้องทำการศึกษาเพื่อลดช่องว่างระหว่างวัยระหว่างพ่อแม่กับลูก

6. ครอบครัวมีการเลี้ยงดูแบบประชาธิปไตย ช่วยให้วัยรุ่นแสดงลักษณะความเป็นตัวของตัวเอง มีการปรับตัวทางสังคมที่ดี เด็กและเยาวชนที่มีสัมพันธภาพและปรองดองกับพ่อแม่ของเขาจะมีปัญหานอกบ้านน้อยกว่าวัยรุ่นที่มาจากครอบครัวที่มีการเลี้ยงดูแบบเข้มงวด

7. เลือกหรือคัดกรองสื่อต่าง ๆ เช่น โทรทัศน์ วิทยุ อินเทอร์เน็ต เป็นต้น ให้อยู่ในขอบข่ายที่เหมาะสมไม่ล่อแหลมจนเกินไป ถ้าสื่อใด ๆ ที่ออกมาเห็นว่าไม่สมควร พ่อแม่ควรให้ข้อมูลย้อนกลับ ให้ความรู้ คำอธิบาย ชี้ให้เห็นคุณและโทษของข้อมูลจากสื่อนั้น ๆ

8. การสนับสนุนการทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ การให้รู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เช่น การอ่านหนังสือ การออกกำลังกาย การเล่นดนตรี เป็นต้น

9. กลุ่มเพื่อนเป็นกลุ่มที่มีอิทธิต่อวัยรุ่นมาก พ่อแม่ ผู้ปกครอง จึงควรทำความรู้จักสนิทสนมกับกลุ่มเพื่อนของลูกหลาน และคอยสอนให้เยาวชนเลือกคบเพื่อนที่มีลักษณะเป็นกัลยาณมิตร

จากการพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 50.1 เป็นชาย ร้อยละ 49.9 เป็นหญิง ตัวอย่างร้อยละ 27.0 อายุระหว่าง 12-15 ปี ร้อยละ 22.5 อายุระหว่าง 16-18 ปี ร้อยละ 30.0 อายุระหว่าง 19-21 ปี และร้อยละ 20.5 อายุระหว่าง 22-24 ปี และกลุ่มตัวอย่าง ร้อยละ 1.0 ระบุไม่ได้เรียนหนังสือเลย ร้อยละ 1.1 ระบุเคยเรียนแต่เลิกเรียนแล้ว ร้อยละ 5.9 ระบุเป็นนักเรียน แต่ตอนนี้ถูกพักการเรียน ร้อยละ 82.7 ระบุเป็นนักเรียนกำลังเรียนอยู่ และร้อยละ 9.3 ระบุเรียนจบแล้วตามลำดับ





ที่มา : หนังสือพิมพ์ASTVผู้จัดการ

วัยโจ๋ เตือน เพื่อนอย่าหลงกระแสวันวาเลนไทน์


โครงการเปิดพื้นที่หัวใจวัยโจ๋ ให้วัยโจ๋พูดผ่านวิดีโอคลิป “คิดอย่างไร? กับวันวาเลนไทน์” พบวัยรุ่นทั่วไปรู้ดีว่าอะไรคือขอบเขตที่เหมาะสมของความรักในวัยนี้ เผยเด็กให้ความสำคัญกับความรักของพ่อแม่ เสนอไม่ควรเน้นกระแสวันวาเลนไทน์และเรื่องเสียตัวมากเกินไป 

เปิดพื้นที่หัวใจวัยโจ๋

นายแพทย์ประเวช ตันติพิวัฒนสกุล นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมสุขภาพจิต และผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมสุขภาพจิตเพื่อสุขภาวะสังคมไทย  กล่าวว่า จากการเปิดพื้นที่ให้เด็กวัยรุ่นได้พูดผ่านวิดีโอคลิป เกี่ยวกับความรักเนื่องในวันวาเลนไทน์ เพื่อให้วัยรุ่นได้ส่งสารไปยังกลุ่มเพื่อนในวัยเดียวกัน พบว่า วัยรุ่นทั่วไปรู้ขอบเขตที่เหมาะสมของความรักในวัยนี้ และมองว่าพ่อแม่คือบุคคลที่สำคัญที่สุดในชีวิต วัยรุ่นยังตระหนักดีว่า ความรักแบบหนุ่มสาวมีแล้วก็อาจเลิกกันได้ และไม่ควรให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์มากเกิน เพราะคนเราแสดงความรักได้ไม่จำกัดวัน   

การเปิดพื้นที่ทางใจด้วยการนำเสนอความจริงและความคิดเห็นจากมุมมองของวัยรุ่นเป็นการสื่อสารที่มีพลังระหว่างวัยรุ่นกันเอง ช่วยสื่อถึงค่านิยมและความคาดหวังที่ถูกต้องต่อกัน ในลักษณะของเพื่อนเตือนเพื่อน ขณะเดียวกัน ผู้ใหญ่ก็จะเข้าใจความรู้สึกนึกคิดในใจของวัยรุ่นมากขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเยาวชน และป้องกันปัญหาพฤติกรรมต่าง ๆ 

นายแพทย์ประเวช กล่าวสรุปว่า บางครั้งผู้ใหญ่แสดงความรักความห่วงใยด้วยการสั่งห้าม ควบคุม หรือตำหนิ ซึ่งกลับทำให้ความสัมพันธ์เสียไป ควรมีวิธีแสดงความห่วงใยด้วยความเข้าใจ โดยการรับฟังให้มากขึ้น เพราะไม่มีอะไรจะปกป้องลูกหลานได้ดีเท่ากับความรักและเข้าใจกันภายในครอบครัว 





ที่มา แผนงานสร้างเสริมสุขภาพจิตเพื่อสุขภาวะสังคมไทย

เหล้าปั่นขายแฟรนไชส์เย้ยกฏหมาย ใช้นักดื่มสวยใส ไร้เดียงสา

551000016483102
แฉกลยุทธ์เหล้าปั่น เปิดขายแฟรนไชส์เย้ย ก.ม.ครบวงจร ให้เหล้า-อุปกรณ์-แถมสูตรผสม สร้างภาพลักษณ์สาวนักดื่ม สวยใส-ไร้เดียงสา หมอยันผู้ดื่มอายุน้อยยิ่งติดเหล้ามาก มูลนิธิคุ้มครองเด็กเผย 70% ผู้ทำผิดกินเหล้าก่อน อึ้งเด็กทำเด็ก เพิ่ม 3 เท่าตัว จี้จำกัดการเข้าถึง-โซนนิ่ง เด็กศึกษานารีวิทยาเผยรัศมี 200 เมตร มีร้านเหล้าปั่นเฉลี่ย 5-6 ร้านต่อหนึ่งมหาวิทยาลัย วอนหามาตรการสกัดเหล้าปั่นเป็นของขวัญแก่เด็กและเยาวชน ในวันเยาวชนแห่งชาติปีนี้ ด้านผู้ว่าฯ กทม.? ค้านโซนนิ่งเหล้ารอบสถานศึกษา แนะ จนท.เคร่ง ก.ม.เสนอ กทม.จับ-ปรับ-ปิดสถานบริการเอง
ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ เครือข่ายนักวิชาการเพื่อเฝ้าระวังปัญหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ร่วมกับแผนงานเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ จัดเสวนาหัวข้อ ?ถอดรหัสเหล้าปั่น…อันตรายที่ต้องควบคุม? โดย ดร.นิษฐา หรุ่นเกษม นักวิชาการด้านนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร กล่าวว่า เหล้าปั่นเน้นกลยุทธ์การตลาดหลักคือ ดึงดูดให้ลูกค้าซื้อและจูงใจให้คนหันมาขายเหล้าปั่นมาก ขึ้น โดยสร้างความหมายให้แก่ตัวเองให้เป็นที่นิยมในกลุ่มเด็ก วัยรุ่น และกลุ่มผู้หญิง ด้วยภาพลักษณ์ความน่ารัก แสนหวาน สดใส ไร้เดียงสา ทดแทนภาพลักษณ์ของเมรีขี้เมาจากการดื่มเหล้าแบบเดิมๆ ผ่านสัญลักษณ์ 3 ตัว คือ packaging, coloring, และ drinking คือ มีน้ำสีสวย หวาน มีหลากกลิ่นหลายรส มีหลายรูปแบบการดื่มทั้งแบบแก้ว เหยือก หรือขวด ขณะนี้มีธุรกิจแฟรนไชส์เหล้าปั่นเปิดขายอย่างเอิกเกริก โดยใช้กลยุทธ์ educated marketing คือเป็นเจ้าของธุรกิจได้ในราคาถูก มีอุปกรณ์ให้พร้อมสรรพ พร้อมให้สูตรผสมเหล้าปั่นให้ด้วย องค์ประกอบเหล่านี้จึงเป็นช่องทางทำให้มีเหล้าปั่นขายมากขึ้น
sura1
ดร.นิษฐา กล่าวอีกว่า ข้อเสนอในการควบคุมการจำหน่ายเหล้าปั่นมี 2 แนวทาง คือ 1.จำกัดการเข้าถึงของเยาวชน ซึ่งสนับสนุนการออกกฎหมายของกระทรวงสาธารณสุข ในการจำกัดสถานที่ห้ามจำหน่ายรอบสถานศึกษาในรัศมี 500 เมตร รวมถึงสถานที่ห้ามจำหน่าย เช่น หอพัก 2.การจัดโซนนิ่ง ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการควบคุมอย่างเคร่งครัด ทำให้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ทุกที่ทุกเวลาและดัดแปลงให้เป็นการขาย แบบเคลื่อนที่ ทั้งหมดนี้ต้องเร่งจัดการเพื่อให้นักเรียนนักศึกษาเข้าถึงเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ได้ยากขึ้น โดยจะนำข้อเสนอนี้เข้าสู่ที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ เพื่อนำไปสู่การผลักดันการบังคับใช้กฎหมายของกระทรวงสาธารณสุขต่อไป
นพ.พิชัย แสงชาญชัย กองจิตเวชและประสาทวิทยา รพ.พระมงกุฎเกล้า กล่าวว่า แอลกอฮอล์มีฤทธิ์กดประสาท เมื่อดื่มแรกๆ จึงให้รู้สึกครื้นเครง เพราะสมองหลั่งสารแห่งความสุข อาทิ โดปามีน เอ็นโดรฟีน แต่หากดื่มอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอจะทำให้สมองเปลี่ยนแปลง และพร่องสารแห่งความสุข ทำให้เกิดอารมณ์ซึมเศร้าแปรปรวน เกิดโรคสมองติดยาได้ ซึ่งแอลกอฮอล์จะส่งผลต่อความสุขและความอยาก ทำให้อยากดื่มง่ายขึ้น ต้องการแอลกอฮอล์เพื่อให้เกิดความสุข โดยไม่สนวิธีอื่น และยังส่งผลต่อสมองส่วนหน้าซึ่งเป็นส่วนของการคิดตัดสินใจ จึงทำให้สมองทำงานแย่ลง ขาดความยับยั้งชั่งใจ อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล จนทำให้แสดงพฤติกรรมต่างๆ เช่น การทำร้ายตนเอง ทำร้ายผู้อื่น ทะเลาะวิวาท
?ยิ่งผู้ดื่มอายุน้อยเท่าใด ก็มีโอกาสติดสุราได้มากขึ้น ผู้ที่ดื่มจึงควรอยู่ในวัยที่มีวุฒิภาวะสามารถรับผิดชอบตนเองได้ เพราะการดื่มเมื่ออายุน้อยจะทำให้เกิดโอกาสติดสุรามากกว่าปกติ เนื่องจากการดื่มติดต่อกันยาวนานนั้น สมองจะปรับตัวและต้องการปริมาณแอลกอฮอล์มากขึ้นเพื่อให้ฤทธิ์ที่เป็นสุขเท่า เดิม เพราะเกิดการดื้อแอลกอฮอล์ เมื่อได้รับปริมาณมากขึ้น ก็เกิดอันตรายต่ออวัยวะต่างๆ และเมื่อหยุดดื่มก็จะเกิดอาการถอน (withdrawal) เพราะสมองตื่นตัวมาก เสี่ยงที่จะทำให้เกิดอาการชัก สมองสับสน อาการทางจิตแทรกซ้อน? นพ.พิชัย กล่าว
นายเตชาติ์ มีชัย หัวหน้าฝ่ายกฎหมายมูลนิธิคุ้มครองเด็ก กล่าวว่า จากการทดลองเข้าไปดูบรรยากาศร้านเหล้าปั่น ต้องยอมรับว่า ทั้งตัวสินค้าและบรรยากาศร้านออกแบบได้โดนใจวัยรุ่นมีกลุ่มลูกค้าชัดเจนคือ เด็กและเยาวชน โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงที่มักจะถูกล่อลวงให้ทดลองดื่มได้ง่าย โดยไม่เขินอาย สุดท้ายก็ไม่สามารถคุมสติ ยืนอยู่บนความถูกต้องดีงามได้ ดังนั้นมาตรการควบคุมเหล้าปั่นและ ร้านเหล้ารอบสถานศึกษาที่กระทรวงสาธารณสุขกำลังดำเนินการ จึงต้องเร่งทำให้มีผลในทางปฏิบัติโดยเร็ว และหวังว่าคงไม่มีใครอ้างผลกระทบต่อการท่องเที่ยวมาขัดขวางมาตรการการควบคุม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

?จากการทำงานของมูลนิธิ พบว่ากว่า 70% ของกรณีที่มีปัญหาการคุกคามทางเพศ กระทำรุนแรงต่อเด็ก ผู้ก่อเหตุมักจะดื่มสุรามาก่อนลงมือ ที่น่ากังวลคือกรณีที่เยาวชนกระทำกับเยาวชนมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าตัว สอดคล้องกับการขยายตัวของจำนวนเหล้าปั่นและร้านเหล้ารอบสถานศึกษาที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เยาวชน วัยรุ่น เข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้โดยง่าย? นายเตชาติ์ กล่าว
น.ส.ปทิตตา จีรจิตต์ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนศึกษานารีวิทยา กล่าวว่า ขณะนี้ร้านเหล้าล้อมมหาวิทยาลัยไว้หมดแล้ว และกำลังลุกลามมาใกล้รั้วโรงเรียนมากขึ้นทุกที ผลการสำรวจพบว่า ในรัศมี 200 เมตร มีร้านเหล้าปั่นเฉลี่ย 5-6 ร้านต่อหนึ่งมหาวิทยาลัย และในหลายพื้นที่พบว่ามีร้านเหล้าปั่นเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่าตัว เช่น ที่เขตเทศบาลนครเชียงใหม่ สะท้อนว่าความนิยมของเหล้าปั่นกำลังขยายตัวอย่างรุนแรง จึงอยากจะฝากผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องโปรดช่วยกันหามาตรการเร่งสกัดภัยเหล้าปั่นรวมไปถึงร้านเหล้ารอบสถานศึกษาเป็นการด่วน เพื่อเป็นของขวัญแก่เด็กและเยาวชน ในวันเยาวชนแห่งชาติปีนี้
2009070204635
วันเดียวกัน ที่ห้องสุทัศน์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีกลุ่มเครือข่ายเยาวชนสร้างสรรค์รู้ทันแอลกอฮอล์ เครือข่ายนักศึกษาสื่อสารมวลชนรามคำแหง สมาพันธ์นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏ 40 สถาบัน มูลนิธิเยาวชนเพื่อการพัฒนา และเครือข่ายองค์กรงดเหล้าจำนวนกว่า 70 คน เข้าพบ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กรุงเทพมหานคร เพื่อนำเสนอปัญหาการแพร่ระบาดร้านเหล้าปั่นและร้านเหล้ารอบสถานศึกษา ซึ่งกำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นในกลุ่มเด็กและเยาวชนโดยเฉพาะในพื้นที่ กทม.
ทั้งนี้จากผลการสำรวจของเครือข่าย พบบริเวณรอบสถานศึกษาระดับมหาวิทยาลัย 15 แห่งใน กทม.มีร้านจำหน่ายสุราและเหล้าปั่นให้ นักศึกษาจำนวน 84 ร้าน ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่สูงมาก จึงเรียกร้องผู้ว่าฯ กทม.ให้ผลักดันและสนับสนุนให้คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ เร่งออกมาตรการแก้ไขปัญหา โดยในกรณีร้านเหล้าปั่นเสนอให้ควรมีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ห้ามจำหน่ายเหล้าปั่นเป็น การทั่วไป ให้ขายได้เฉพาะสถานที่ที่มีกฎหมายห้ามเด็กต่ำกว่า 20 ปีใช้บริการ ขณะที่กรณีร้านเหล้ารอบสถานศึกษานั้น ควรมีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีกำหนดขอบเขต รัศมีของร้านที่จะเปิดขายรอบสถานศึกษาในว่าควรมีระยะห่างเท่าใด ซึ่งเสนอให้ในรัศมีของสถานศึกษา 500 เมตร ไม่ควรมีร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ด้าน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นด้วยต่อการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก่เด็กและเยาวชนที่ อายุต่ำกว่า 20 ปี และเห็นด้วยกับการเอาผิดร้านที่จำหน่ายสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ไม่เห็นด้วยกับการกำหนดขอบเขต หรือการจัดโซนนิ่ง ซึ่งอาจส่งผลต่อธุรกิจการค้า โดยเฉพาะในพื้นที่เขตเมืองอย่าง กทม.ที่ปฏิบัติจริงได้ยาก
?การจัดโซนนิ่งเป็นการผลักภาระและฝากความหวังที่เลื่อนลอยสำหรับเขต เมือง ยกตัวอย่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หรือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หากมีคำสั่งจัดโซนนิ่งก็จะวุ่นวายกันไปหมด ทั้งๆ ที่ปัญหาเรื่องการขายเหล้าให้เด็กและเยาวชนที่อายุไม่ถึง 20 ปีมีต้นเหตุมาจากผู้ที่มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบไม่ทำหน้าที่ของตัวเองตามที่ กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัดจริงจังเท่าที่ควร ส่วน กทม.ก็ทำอะไรได้ไม่มาก นอกจากเสนอแนะแนวทาง รณรงค์ ติดตามและประเมินผลการทำงานแต่ไม่มีอำนาจดำเนินการจับ ปรับ หรือปิดสถานบริการหรือร้านเหล้าได้ เหมือนเสือกระดาษตัวหนึ่งเท่านั้น? ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าว
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวต่อว่า หากรัฐบาลจะพิจารณา กทม.ก็จะเสนอให้ กทม.มีอำนาจเต็มในการดำเนินการจับ ปรับ และสั่งปิดสถานบริการหรือร้านเหล้าที่ฝ่าฝืนกฎหมาย นอกเหนือไปจากภารกิจด้านการรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ปลูกจิตสำนึกและขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการที่มีกิจการอยู่ ใกล้สถานศึกษาอย่างต่อเนื่องนับจากนี้เป็นต้นไปทั่วพื้นที่ กทม.
ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก  คมชัดลึก

MThai SMS News : ข่าวด่วนถึงมือคุณ ทันทุกเหตุการณ์ ไม่พลาดทุกข่าวร้อน
สนใจรับข่าวกด *48259080066 แล้วโทรออก ทดลองใช้ฟรี 15 วัน 

เชียงรายลุยจับดะร้านค้าไม่มีใบอนุญาต-ขายเหล้าเถื่อน

เชียงรายลุยจับดะร้านค้าไม่มีใบอนุญาต-ขายเหล้าเถื่อน
11 กุมภาพันธ์ 2554
เชียงราย - เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สนธิกำลังออกลุยตรวจร้านค้า-สถานบริการ ที่ไม่ได้รับอนุญาต แถมขายเหล้าเถื่อนเกลื่อนเมือง      
       รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า วันนี้ (3 ก.พ.) พ.ต.อ.มงคล สัมภวะผล ผกก.สภ.เมืองเชียงราย สั่งการให้ พ.ต.ท.ประจวบแก้วโก สวป., ร.ต.อ.อินสม ศรีคำ รอง สวป.พร้อมด้วยนายเขม หงษ์เจ็ด ปลัดอำเภอเมืองเชียงราย, นายวิรุฬ สิทธิวงค์, นางนงลักษณ์ วิริยะตระกูร เจ้าหน้าที่สรรพสามิตเขตพื้นที่ จ.เชียงราย สนธิกำลังทั้ง 3 หน่วยงานไปตรวจสถานบริการที่ไม่ได้รับอนุญาตและเปิดเกินเวลาในท้องที่ ต.บ้านดู่ ซึ่งเป็นชุมชนหนาแน่นตั้งอยู่หน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย
      
       จากการตรวจสอบ พบมีการเปิดสถานบริการโดยไม่ได้อนุญาตจำนวน 3 ราย ประกอบไปด้วยร้านแฟนตาเซีย มี นางพัชรพันธ์ พัมชรพจานากรณ์ อายุ 43 ปี เป็นผู้ดูแล, ร้านบางแก้ว มี นายวันวินัย สามศรี อายุ 21 ปี เป็นผู้ดูแล และร้านติดลม มี นายอัครกริช ศิริใจ อายุ 22 ปี เป็นผู้ดูแล จึงแจ้งข้อกฎหมาย และการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ให้รับทราบ ก่อนควบคุมตัวส่ง ร.ต.อ.ภัรภัทร อุ่นนากาศ ร้อยเวร สภ.เมืองเชียงราย ดำเนินคดี
      
       ด้าน นายจำรัส ไชยศิริวงศ์สุข กับ นายญฐภัทร วงศ์กลม เจ้าหน้าที่สรรพสามิตชำนาญการ สรรพสามิตเขตพื้นที่ จ.เชียงราย ได้รับรายงานว่า ในพื้นที่ ต.แม่ข้าวต้ม มีการลักลอบขายสุราเถื่อน จึงนำกำลังสายตรวจสรรพสามิตจำนวนหนึ่งออกไปตรวจ ตามที่ได้รับแจ้งพบร้านขายของชำริมถนนในหมู่บ้าน จึงไปตรวจสอบพบภายในร้านมีนายประสงค์ นันทะชู อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 352 หมู่ 14 ต.แม่ข้าวต้ม อยู่
      
       จึงให้นำตรวจค้นภายในร้านพบสุรากลั่นบรรจุถังพลาสติกสีขาว จำนวน 1 ถัง น้ำสุรา จำนวน 5 ลิตร และบรรจุขวด จำนวน 1 ขวด ทั้งหมดเป็นสุรากลั่นเองที่ไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดไว้ จากนั้นจึงควบคุมตัวพร้อมของกลางทั้งหมดส่ง พ.ต.ท.สงกรานต์ สันวงศ์ สาวัตรเวร สภ.เมืองเชียงราย ดำเนินคดีตามกฎหมายอีกราย

เครือข่ายองค์กรงดเหล้า จ.สุรินทร์ ตั้งศูนย์รับบริจาคการช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา

เครือข่ายองค์กรงดเหล้า จ.สุรินทร์ ตั้งศูนย์รับบริจาคการช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา
10 กุมภาพันธ์ 2554
นายบำรุง เป็นสุข ผู้ประสานงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า จ.สุรินทร์ กล่าวว่า จากที่ได้เกิดการปะทะกันตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ทำให้มีคนไทยตามแนวชายแดนอพยพออกจากพื้นที่มาอาศัยที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว ตามจุดต่างๆ จำนวนมาก ทางศูนย์ประสานงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคอีสานตอนล่าง ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัสุรินทร์และภาคีเครือข่ายต่างๆ ได้จัดตั้งศูนย์รับบริจาคการช่วยเหลือผู้ประสบภัยขึ้นที่ “อาคารจอมสุรินทร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์” ถนนสุรินทร์ – อ.ปราสาท เพื่ออำนวยความสะดวกรับบริจาคสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นต่างๆ เพื่อนำไปให้การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยจากเหตุการณ์ปะทะตามแนวชายแดน ไทย – กัมพูชา
 
จึงขอเชิญ ร่วมบริจาคสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย ได้ที่ศูนย์รับบริจาคการช่วยเหลือผู้ประสบภัย “อาคารจอมสุรินทร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์” โทรศัพท์ 044 513 339 หรือประสานงานกับนางสาวปานเทวี ศรีพรหม โทรศัพท์ 087 – 776 1415กิติวรรณ มณีล้ำ / ข่าว
ข้อมูลข่าวและที่มา
ผู้สื่อข่าว : สุรินทร์(สวท.)   Rewriter : สุริยน ตันตราจิณ
สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ : http://thainews.prd.go.th
 เมตาธรรมค้ำจุนโลก

ความเคลื่อนไหว ของภาคประชาสังคมจิตอาสา
ช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
               
          จ.อุบลฯ   นายวิทยา  บุญฉวี     เตรียมเยาวชนไปจัดแสดงสร้างสรรค์ตามจุดลี้ภัย อ.น้ำยืน/อ.น้ำขุ่น  จ.อุบลฯ  ,อ.กันทรลักษณ์   จ.ศรีสะเกษ
          จ.ศรีสะเกษ   เตรียมเยาวชนร่วมกับภาครัฐในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ  เพื่ออำนวยความสะดวกและประสานงานการขอความช่วยเหลือจากผู้อพยพ
          จ.สุรินทร์  จัดตั้งศูนย์รับ/ร่วมบริจาค ที่ ศูนย์ภาค/ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฎ/จัดทำสปอตวิทยุ/ป้ายไวนิลประชา สัมพันธ์ศูนย์ฯ /เคเบิ้ลทีวีถ่ายทำเพื่อประชาสัมพันธ์  พระอาจารย์พิเชษฐ์  ประสานงานช่วยเหลือ/แจ้งข่าว
,ชี้เป้าเข้าช่วย เหลือระดับพื้นที่ อ.กาบเชิง จังหวัดสุรินทร์
          จ.บุรีรัมย์  ศูนย์บำบัดผู้ติดสุรา บุหรี่ วัดหนองสะแกกวน ตำบลส้มป่อย อำเภอโนนดินแดง จังหวัดบุรีรัมย์  ร่วมรับบริจาค  ผ่านวิทยุชุมชน (เหมือนตอนน้ำท่วม) โดยพระมหานรินทร์ นรินฺโท
          จ.นครราชสีมา สมควร   งูพิมาย   ประสานรับบริจาคจากภาคี ของบริจาคจะถูกส่งตัวมายังศูนย์ภาคฯ เพื่อดำเนิน การส่งถึงผู้ประสบภัย

                 วันนี้ (10 ก.พ.54)  มีการเปิดศูนย์ประสานงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า ภาคอีสานตอนล่าง  เป็นศูนย์รับสิ่งของบริจาค  อย่างไม่เป็นทางการนัก  โดยมีการถ่ายทำ และสัมภาษณ์ อ.อัครเดช  สุพรรณฝ่าย   ประธานสภาคณาจารย์  ม.ราชภัฎสุรินทร์  และนายบำรุง  เป็นสุข   ผู้ประสานงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า ภาคอีสานตอนล่าง  ถึงแนวคิดในการจัดตั้งศูนย์ฯนี้  และนำไปประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อ  สุรินทร์ทีวีเน็ตเวิร์ค  ให้ทราบโดยทั่วกัน

                 ผู้ที่มีใจอยากช่วยเหลือ  สามารถติดต่อได้ที่ ศูนย์รับบริจาคการช่วยเหลือผู้ประสบภัย “อาคารจอมสุรินทร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์” โทรศัพท์ 044 513 339 หรือประสานงานกับนางสาวปานเทวี ศรีพรหม โทรศัพท์ 087 – 776 1415

 
สคล.ภาคอีสานตอนล่าง       

คนงานเขมรเถียงเรื่องชายแดนในวงเหล้า-ถึงกับแทงกันตาย

คนงานเขมรเถียงเรื่องชายแดนในวงเหล้า-ถึงกับแทงกันตาย
8 กุมภาพันธ์ 2554
เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 8 ก.พ.ร.ต.ท.ปิติชน เทิดเกียรติกุล พนักงานสอบสวน สภ.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี รับแจ้งเกิดเหตุ มีคนถูกแทงเสียชีวิตภายในแคมป์คนงานก่อสร้าง ซอยรวมมิตร 26 ม.10 ต.บางเสร่ รุดไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวน และ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ ร่วมตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุบริเวณหน้าห้องพักแคมป์คนงานก่อสร้าง พบร่างนายแพะ สัญชาติกัมพูชา อายุประมาณ 30 ปี สภาพศพถูกแทงด้วยมีดปลายแหลม เข้าที่หน้าอกซ้าย จำนวน 1 แผล ตัดขั้วหัวใจ ตายคาที่ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยได้นำศพส่งชันสูตรยังโรงพยาบาลสัตหีบ กม.10 เพื่อสาเหตุการตายที่แน่ชัดต่อไปโดยภายในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถ จับกุมผู้ต้องสงสัยชื่อ นาย จัน อายุ 31 ปี ชาวกัมพูชา คนงานก่อสร้างภายในแคมป์คนงานที่เกิดเหตุซึ่งกำลังเก็บข้าวของเตรียมหลบหนี ก่อนนำตัวไปสอบสวน
           
จากการสอบสวน นายจัน อายุ 31ปี ชาวกัมพูชา ผู้ต้องสงสัย ทราบว่าหลบหนีเข้ามาภายในประเทศเพื่อมาทำงานเป็นคนงานก่อสร้าง ก่อนเกิดเหตุพร้อมผู้ตายและเพื่อนคนงาน ประมาณ 4–5 คน ชาวกัมพูชา นั่งดื่มสุรากันอยู่ภายในแคมป์คนงาน ก่อนจะเกิดมีปากเสียงและทะเลาะวิวาทกันอย่างรุนแรงเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา ที่มีปัญหาอยู่ในขณะนี้ ประกอบกับมึนเมา หนึ่งในกลุ่มคนงานชาวกัมพูชาจะชักมีดที่ติดตัวมาจ้วงแทง เข้าที่หน้าอกตัดขั้วหัวใจ ตายคาที่ จากนั้นกลุ่มผู้ก่อเหตุได้แตกกระเจิงและวิ่งหลบหนีหายไปกับความมืด

สตช.จับตาสถานที่เสี่ยงเสียสาวรับวาเลนไทน์ คาดร้านเหล้าปั่น นศ.แห่ฉลองเพียบ

สตช.จับตาสถานที่เสี่ยงเสียสาวรับวาเลนไทน์ คาดร้านเหล้าปั่น นศ.แห่ฉลองเพียบ
11 กุมภาพันธ์ 2554
เครือ ข่ายเยาวชนฯ จับมือ สตช.-กทม.-สสส.-สคล. ผนึกพลังรับวันวาเลนไทน์ ชวนโจ๋งดดื่มงดเมา ชู “รักเลือกได้ ปลอดภัย ปลอดเหล้า” จับตาสถานที่เสี่ยงเสียสาว ห้องพัก โรงแรมม่านรูด สวนสาธารณะ ขณะที่ตัวแทนเยาวชน ชี้นักศึกษาแห่ฉลองร้านเหล้าปั่น เพราะสะดวกใกล้มหา'ลัยเหมาะสำหรับผู้หญิง แนะผู้ชายให้เกียรติมอบความรักเป็นดอกไม้ การ์ดอวยพร แทนการให้เหล้า

      
       วันนี้ (11 ก.พ.) ที่บริเวณหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) และนิสิต นักศึกษา กว่า 100 คน ร่วมจัดกิจกรรม เนื่องในเทศกาลวันวาเลนไทน์ “รักเลือกได้ ปลอดภัย ปลอดเหล้า” โดย พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ พญ.วันทนีย์ วัฒนะ รองผู้อำนวยการสำนักอนามัย ร่วมเป็นประธานในพิธีปล่อยขบวนคาราวานรถจักรยานยนต์ เพื่อรณรงค์แจกสติกเกอร์ จนไปสิ้นสุดที่สยามสแควร์
      
       พล.ต.ต. ประวุฒิกล่าวว่า ขอชื่นชมเครือข่ายเยาวชนฯ ที่พร้อมใจกันจัดกิจกรรมเพื่อรณรงค์ในวันนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ คงต้องจับตาและเฝ้าระวังในวันที่ 14 ก.พ.นี้เป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด และเพื่อลดจำนวนนักดื่มหน้าใหม่ด้วย
      
        นายวัชรา บัวทอง ผู้ ประสานงานเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ กล่าวว่า เทศกาลแห่งความรักมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะกับกลุ่มวัยรุ่น กิจกรรมที่นิยมทำส่วนใหญ่เป็นการทานข้าว เดินเที่ยวห้างสรรพสินค้า ดูหนัง อยู่บ้าน แต่วัยรุ่นบางกลุ่มมักแสดงออกถึงความรักในทางที่ผิด เช่น ชักชวนกันไปเที่ยว ผับ บาร์ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จนทำให้ขาดสติในการยับยั้งชั่งใจ เกิดปัญหาตามมา เช่น มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร ทั้งนี้ไม่อยากให้มองว่าการมีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องปกติ เป็นเรื่องสิทธิส่วนตัว เพราะอาจทำให้ยอมรับการมีเพศสัมพันธ์ในวันวาเลนไทน์ อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงต้องจับตาสถานที่ที่วัยรุ่นชอบไปมั่วสุมดื่มฉลอง และชักชวนหรือหลอกไปที่ลับตาคน เช่น ห้องพักรายวัน อพาร์ตเมนต์ บ้านที่ไม่มีใครอยู่ โรงแรมม่านรูด สวนสาธารณะ เป็นต้น
      
       “วัยรุ่นหญิงบางคนแม้จะไม่ เต็มใจที่จะมีเพศสัมพันธ์ แต่หากตกอยู่ในสถานการณ์หรือพื้นที่เสี่ยง และมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นตัวกระตุ้น ก็จะทำให้มีเพศสัมพันธ์ได้ง่าย จึงขอเตือนเพื่อนเยาวชน ว่าไม่ควรอยู่ในสถานที่เสี่ยงสองต่อสอง นอกจากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเพิ่มความเข้มงวด ในการตรวจสอบสถานที่ล่อแหลม เพื่อลดปัญหาสังคม และขอฝากไปยังผู้ปกครองต้องคอยตักเตือนบุตรหลาน เพราะจะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้” ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนฯ กล่าว
      
       นายวัชรา กล่าวด้วยว่า การดื่มฉลองในช่วงเทศกาลต่างๆ ของวัยรุ่น เห็นชัดเจนว่าก่อให้เกิดปัญต่างๆ ตามมา เพราะจากผลสำรวจที่ผ่านมา พบว่า กลุ่มเยาวชนอายุ 15-19 ปี มีสัดส่วนที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 70 ในระยะเวลา 11 ปี จากร้อยละ 4.7 เป็นร้อยละ 8.0 หากคงอัตราการดื่มเพิ่มขึ้นเช่นนี้ คาดว่าในอีก 40 ปีข้างหน้าเยาวชนอายุ 15-19 ปีจะกลายเป็นนักดื่มประจำถึงสองในสาม นอกจากนี้ยังพบ ว่าร้อยละ 40 ของเด็กและเยาวชนในสถานพินิจที่มีประสบการณ์การดื่มแอลกอฮอล์ยอมรับว่ากระทำ ความผิดภายใน 5 ชั่วโมงหลังดื่ม และสัดส่วนของผู้ที่กระทำความผิดระหว่างดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น ตามระดับความรุนแรงของการกระทำความผิด 
      
       ด้าน นายณัฐพล รุ่งเกียรติวงศ์ เครือ ข่ายเยาวชนสานพลังสู่สังคม กล่าวว่า ช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ วัยรุ่นหนุ่มสาวมักแสดงออกถึงความรัก และอาจเกินเลยถึงขั้นยอมมีเพศสัมพันธ์ ทั้งเกิดจากความสมัครใจ หรืออาจถูกมอมเมาถูกชักชวนให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น วัน วาเลนไทน์ปีที่ผ่านมา ร้านเหล้าปั่นถือเป็นสถานที่ยอดฮิตของคู่รักหลายคู่ที่เข้ามาดื่มฉลองเพราะ ดื่มง่ายเหมาะกับสุภาพสตรี คาดว่าในวันวาเลนไทน์ที่ใกล้จะถึงนี้ การดื่มฉลองที่ร้านเหล้าปั่นคงมีให้เห็นจำนวนมาก เพราะสะดวกอยู่ใกล้กับสถานศึกษา ทั้งนี้ตนขอฝากเตือนให้เยาวชนแสดงออกถึงความรักอย่างมีสติ เพราะไม่จำเป็นต้องพึ่งเหล้าก็มีความรักได้ และของขวัญที่มอบให้คนรักไม่จำเป็นต้องเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพียงแค่ ดอกไม้ การ์ดอวยพร ตุ๊กตา ช็อกโกแลต ก็น่าจะเพียงพอแล้ว 
      
       “ขอให้เพื่อนๆ เยาวชนฉลองความรักโดยที่ไม่ต้องพึ่ง เหล้า เบียร์ เพราะอาจนำเรื่องไม่คาดฝันมาสู่ตัวเราได้ และผู้ชายควรให้เกียรติผู้หญิง ในการแสดงออกถึงความรัก ไม่เอาความรักมาเป็นเครื่องต่อรอง และขอให้ใช้พลังความรักไปในทางสร้างสรรค์ แบ่งปันหรือทำกิจกรรมให้กับสังคมจะเป็นประโยชน์กว่า” นายณัฐพล กล่าว